แนวทางป้องกันโครงสร้างช่วงฝนตก

 

ในช่วงหน้าฝนหรือเวลาที่เกิดน้ำท่วม หลายคนมักกังวลแค่เรื่องความไม่สะดวกในการอยู่อาศัย แต่จริง ๆ แล้ว “น้ำ” คือตัวการใหญ่ที่ค่อย ๆ ทำลายบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัว หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจทำให้บ้านทรุดโทรม หรือแม้กระทั่งโครงสร้างเสียหายได้ มาดูกันว่าน้ำท่วมหรือฝนตกหนักส่งผลกระทบกับบ้านตรงไหนบ้าง ?

1. ฐานรากและโครงสร้างบ้าน

  • น้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานานสามารถซึมเข้าสู่ดินใต้บ้าน ทำให้ดินอ่อนตัว → บ้านทรุดหรือเอียงได้

  • หากน้ำซึมเข้าฐานรากคอนกรีต อาจทำให้เหล็กเสริมเกิดสนิม ส่งผลให้ความแข็งแรงลดลง

2. ผนังบ้าน

  • ความชื้นจากน้ำที่ซึมเข้าผนังอิฐหรือผนังคอนกรีต จะทำให้เกิดรอยด่าง เชื้อรา และการเสื่อมสภาพของวัสดุ

  • ในระยะยาว ผนังอาจแตกร้าวหรือกร่อนง่ายขึ้น

3. พื้นบ้าน

  • พื้นไม้หรือพื้นลามิเนตบวมและโก่งตัวทันทีเมื่อโดนน้ำ

  • พื้นกระเบื้องอาจล่อนหรือแตก เพราะน้ำซึมผ่านปูนกาวด้านล่าง

4. ระบบไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค

  • ปลั๊กไฟและสายไฟที่โดนน้ำอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้

  • ท่อน้ำ ท่อระบายน้ำอาจอุดตันหรือแตกหักจากแรงดันน้ำ

5. หลังคาและฝ้าเพดาน

  • ฝนตกหนักอาจทำให้หลังคารั่ว น้ำซึมลงมาในฝ้าเพดาน

  • เมื่อความชื้นสะสม จะเกิดเชื้อราดำและทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็ว

วิธีป้องกันและรับมือ

  • ตรวจสอบการระบายน้ำรอบบ้านให้ไหลออกได้สะดวก

  • เคลือบผนังชั้นล่างด้วยสารกันซึม

  • ยกปลั๊กไฟและตู้ไฟให้อยู่สูงกว่าระดับน้ำท่วม

  • ตรวจสอบหลังคาและรางน้ำฝนเป็นประจำ

  • หากบ้านเคยมีน้ำท่วม ควรตรวจเช็กโครงสร้างโดยวิศวกร

 

น้ำท่วมและฝนตกหนักไม่ได้สร้างปัญหาแค่ความชื้นหรือเชื้อรา แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อฐานราก โครงสร้าง ผนัง พื้น และระบบไฟฟ้าในบ้าน การรู้ทันและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยยืดอายุบ้านและลดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมที่อาจตามมาในอนาคต

บ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง “แข็งแรง ปลอดภัย และทนต่อทุกสภาพอากาศ”